ตลาดเหล็กเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีความผันผวนสูง ราคามีการเปลี่ยนตลอดเวลาตามปัจจัยเศรษฐกิจโลกและประเทศนั้น ๆ สตีลเบสท์บาย ทราบถึงจุดนี้ดีกว่าใคร ว่าการที่ ผู้รับเหมา ช่าง จัดซื้อ หรือผู้บริโภคเหล็กทั่วไป รู้ทันราคาจะช่วยให้ได้เปรียบหลาย ๆ ด้านทั้งลดต้นทุน และประหยัดเวลาไม่ต้องเปรียบเทียบกับหลาย ๆ ที่

สตีลเบสท์บาย มีทีมงานมืออาชีพ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงในด้านการให้คำแนะนำเรื่องจัดซื้อเหล็ก หรือให้ความรู้ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต เหล็กบิลเล็ต กับ ผู้รับเหมา ช่าง และอื่น ๆ อย่างมืออาชีพ โดยยังคงคุณภาพมาตรฐานและความเร็วในการให้ราคาที่ดีที่สุดกับผู้บริโภค เป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก
ผู้รับเหมา และผู้บริโภคเหล็กต้องการสิ่งไหน เรารู้ดี!
เพราะ Steel Best Buy รู้ดีว่าผู้บริโภคเหล็กส่วนใหญ่ยังขาดความรู้และความเชี่ยวชาญในเรื่องการจัดซื้อเหล็ก ผู้รับเหมาและช่าง ที่ทำการจัดซื้อบ่อย ๆ จะรู้ดีว่าการขอราคาต้องรอนาน และขั้นตอนยุ่งยาก แต่เมื่อเป็นผู้บริโภคเหล็กทั่วไปเรียกได้ว่า ความรู้นั้นเป็นศูนย์ ไม่รู้ขั้นตอนการซื้อ ไม่รู้จะซื้อกับใคร? ไม่รู้ว่ามาตรฐานแบบไหนที่ควรใช้กับโครงสร้าง และที่สำคัญ คือ “ไม่รู้ราคาเหล็กอย่างแท้จริง” วันนี้สตีลเบสท์บายจึงนำความรู้เหล่านี้มาฝากผู้บริโภคเหล็กได้รู้ทันราคาเหล็กโลกมากขึ้น
ผู้บริโภคเหล็กทั่วไทย รู้ทันราคาเหล็กไม่เจ็บตัว
ต้นกำเนิดเหล็กมาจากไหน (How Steel is Made)
สำหรับมือใหม่ที่พึ่งเข้าสู่วงการก่อสร้างเรื่องแรกที่จะต้องรู้ ความรู้พื้นฐานความเข้าใจกระบวนการต้นกำเนิดของเหล็กและขั้นตอนการผลิตเหล็ก เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพที่ตรงกันก่อนที่เราจะเข้าเรื่องการคาดคะเนแนวโน้มราคาเหล็กเสียก่อน

กระบวนการผลิตเหล็กกล้าเป็น เหล็กบิลเล็ต และเหล็กสแลป เริ่มต้นจากอะไร?
กระบวนการผลิตเหล็กกล้าเริ่มต้นด้วยกระบวนการจากสินแร่เหล็กที่พบในธรรมชาติ (Iron Ore) เข้าสู่กระบวนการที่เรียกว่า การถลุงแร่เหล็ก ด้วยสมัยก่อน แร่เหล็กที่หาได้นั้นมีคุณสมบัติที่ไม่ทนทานจึงไม่เหมาะแก่นำมาผลิตเหล็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ได้มีการค้นพบแร่ผสมบางอย่างที่มีคุณสมบัติ ทำให้เหล็กสามารถใช้งานได้ดียิ่งขึ้น นั่นก็คือ การผสมคาร์บอน (Carbon) ลงไปทำให้เกิดเป็น เหล็กกล้า (Steel) คุณสมบัตินี้มีผลให้เหล็กมีความเหนี่ยวและแข็งแรงขึ้น
ซึ่งปัจจุบันการถลุงแร่นั้นพบว่าผู้ผลิตจะต้องผลิตเป็นปริมาณมาก ๆ ด้วยเตา BF (Blast Furnace) ทำการเปิดเตาผลิตทั้งปีต่อเนื่องด้วยความร้อนจากเตาถ่านหิน (Coking Coal) ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลาหลายเดือน โดยโรงงานในประเทศจีน 85% ยังใช้กระบวนการผลิตแบบนี้อยู่ เพราะประเทศจีนมีกำลัง ต้นทุน และฐานการผลิตที่มากกว่าในหลาย ๆ ประเทศจึงนิยมนำเข้าสินค้าประเภท เหล็กโครงสร้างเข้ามาจำหน่ายมากกว่าผลิตเอง เช่นเดียวกับประเทศไทยการที่จะผลิตเหล็กที่มหาศาลเช่นนี้เป็นเรื่องยากมาก สิ่งที่ไทยทำได้จะเป็นเพียงนำเข้า เหล็กกึ่งสำเร็จรูป (Semi-Finish Product) ได้แก่
- เหล็กบิลเล็ต (Billet) เหล็กทรงยาว
- เหล็กสแลป (Slab) เหล็กทรงแบน
ก่อนจะเป็นเหล็กที่ทุกคนใช้งานนั้นสตีลเบสท์บายมีภาพรวมกระบวนการเหล็กกล้าผ่านอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กแบบครบวงจร หรือที่เรียกว่า ต้นน้ำ(Upstream) กลางน้ำ(Midstream) ปลายน้ำ (Downstream) ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้
- กระบวนการผลิตเหล็กขั้นต้น (ต้นน้ำ) คือกระบวนการถลุงสินแร่ให้เป็นโลหะ ดังที่กล่าวมาจากบทความหัวข้อ กระบวนการผลิตเหล็กเริ่มต้นจากอะไร?
- กระบวนการการผลิตขั้นกลาง (กลางน้ำ) เป็นกระบวนการผลิตเหล็กรวมกับเศษเหล็ก ไปผลิตเป็นเหล็กกล้าและเหล็กหล่อทำเป็นเหล็กม้วนดำด้วยการทำ Basic Oxygen Furnace (BOF) และ Electric arc Furnace (EAF)
- กระบวนการผลิตขั้นปลาย (ปลายน้ำ) เป็นกระบวนนำเหล็กแท่ง (Billet) และเหล็กทรงแบน (Slab) เข้าสู่กระบวนการขึ้นรูปด้วยความร้อน (Rolling + Foundry) ได้มาเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
ซึ่งวิธีการผลิตปลายน้ำเป็นวิธีที่ประเทศไทยนิยมใช้กันมากที่สุดเพราะเป็นกระบวนการที่ผลิตใช้ต้นทุนผลิตต่ำไม่จำเป็นต้องใช้เตาถลุง ให้เน้นไปทางการใช้เครื่องมือเพื่อแปรรูปเหล็ก ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เป็นต้นกำเนิดของเหล็กโครงสร้างที่ใช้ก่อสร้างในปัจจุบัน

อย่างที่เราทราบว่ากระบวนการที่ผลิตแต่ละขั้นตอนที่เรียกว่า (Semi-Finish Product) จำแนกประเภทได้ คือ Long product ผลิตจากสินแร่เหล็ก ออกมาเป็น เหล็กแท่งยาว (Billet) Flat Product ผลิตจากผลิตจากสินแร่เหล็ก ออกมาเป็น เหล็กแผ่นทรงแบน (Slab) เมื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตจนเป็นเหล็กสำเร็จรูปสามารถจำแนกได้ดังนี้
- เหล็กบิลเล็ต Billet
- ได้แก่ เหล็กเส้น (Rebar) แบ่งเป็น เหล็กเส้นกลม (Round Bar Steel) , เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar Steel) , เหล็กฉาก (Angel bar), เหล็กรางน้ำ (C-channel-steel), เหล็กบีม (Beam) ที่ใช้ในโครงสร้างเหล็กรูปพรรณงานก่อสร้างขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่
- เหล็กลวดไวร์รอท (Wire Rod) เหล็กกล้าชนิดคาร์บอนต่ำร้อนซึ่งถูกนำไปผลิตสินค้ากึ่งสำเร็จรูปต่อ ได้แก่ น็อต, ตะปู, สปริง หรือแม้แต่ไม้แขวนเสื้อ เป็นต้น
- เหล็กแผ่นทรงแบน Slab
- เหล็กที่ผ่านกระบวนการรีดเพื่อลดขนาดด้วยอุณหภูมิสูง ได้แก่ เหล็กม้วนรีดร้อน Hot Rolled Coil ถูกนำไปผลิตเป็นสินค้าที่เรารู้จักกัน เช่น เหล็กแผ่น (Steel-Plate), เหล็กแผ่นลาย, เหล็กกล่อง (Carbon-Steel-Pipes) แบ่งเป็น เหล้กกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส,เหล็กกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า และท่อกลม, เหล็กตัวซี (c-light-lip-channel) ใช้ในเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน
- เหล็กที่ผ่านกระบวนการรีดเพื่อลดขนาดด้วยอุณหภูมิปกติ Cold Rolled Coil ถูกนำไปผลิตเป็นสินค้าเป็นสินค้าใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, เฟอร์นิเจอร์, เมทัลชีท
ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการถลุงเหล็กด้วยเตา BF ออกมาเป็นเหล็กบิลเล็ตหรือสแลปก่อน ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันได้พัฒนาขึ้นมาก ทำให้เราสามารถนำ เศษเหล็ก (Scrap) นำมา Recycle โดยใช้การหลอมด้วยเตาไฟฟ้า EAF (Electric Arc Furnace) ทำให้สามารถทำจำนวนน้อยต่อครั้งได้และมีความคล่องตัวสูง โดยส่วนมากโรงงานผลิตแบบ EAF มักอยู่ในภูมิภาคยุโรปและอเมริกา เพราะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า เป็นต้น
สรุปแล้ว แนวโน้มการคาดคะเนของราคาเหล็ก สตีลเบสท์บายสรุปได้ว่าผู้บริโภคสามารถคาดคะเนจากราคาสินค้าเหล็กโลกเพียงไม่กี่ตัว ดังนี้
- สินแร่เหล็ก (Iron Ore)
- เศษเหล็ก (Scrap)
- บิลเล็ต (Billet)
- สแลป (Slab)
- เหล็กม้วนรีดร้อน (Hot Rolled Coil) หรือ (HRC)
- ถ่านโค้ก (Coking Coal)
สนใจสอบถามแนวโน้มราคาเหล็กจากผู้เชี่ยวชาญจัดซื้อที่สตีลเบสท์บาย สามารถเพิ่มเพื่อนที่ @steelbestbuy
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่