ขนาดเหล็กข้ออ้อย-และการใช้งานเหล็กในงานวงการก่อสร้าง

“ขนาดเหล็กข้ออ้อย” และการใช้งานเหล็กในงานวงการก่อสร้าง

เหล็กเส้น เป็นเหล็กเสริมที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่งานก่อสร้างที่ใช้เหล็กเสริมคอนกรีต ไม่ว่าจะเป็น ใช้สร้างบ้านที่อยู่อาศัย 2 ชั้น หรือบ้านเดี่ยว สร้างอาคารสูง, สร้างถนน, สะพาน รวมไปถึงงานก่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น งานเขื่อน, งานโครงการรถไฟฟ้า แต่การที่เราจะนำไปใช้ก่อสร้างนั้น เราจำเป็นต้องรู้เสียก่อนว่าขนาดที่นำไปใช้ตรงต่อลักษณะงานหรือไม่ เพราะว่าเหล็กแต่ละชนิดมีขนาดที่ไม่เท่ากัน ดังนั้น ขนาดเหล็กข้ออ้อย และเส้นกลม เราจะต้องเลือก เส้นกลม-ข้ออ้อย ให้เหมาะสมต่อการใช้งาน และยาวนานยิ่งขึ้น

ขนาดเหล็กข้ออ้อย-และเหล็กเส้นกลม-เริ่มต้นที่เท่าไหร่?
ขนาดเหล็กเส้น

ขนาดเหล็กข้ออ้อย และเหล็กเส้นกลม เริ่มต้นที่เท่าไหร่?

สิ่งสำคัญในการซื้อ เหล็กเส้นไปใช้งานเราจะต้องคำนึงถึงคุณภาพ ด้วยการเลือกเหล็กเส้นคุณภาพได้มาตรฐาน และที่สำคัญของการก่อสร้างอีกอย่างคือการเลือกขนาดเหล็กเส้นอย่างถูกต้องเพื่องานที่ปลอดภัยและสามารถใช้งานได้ในระยะยาว

เหล็กเส้น คือ วัสดุก่อสร้างที่ผลิตขึ้นเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับงานที่เสริมโครงสร้างด้วยคอนกรีต โดยคุณสมบัติเหล็กที่เป็นมาตรฐานคือเหล็กมีความทนทานต่อแรงดึงและแรงอัดได้ดี เช่น งานเสา, คาน, พื้น, กำแพง, งานบันได, สะพานต่างระดับ และงานฐานราก เป็นต้น

ประเภทเหล็กเส้น และมาตรฐานของเหล็กคืออะไร

ประเภทเหล็กที่ใช้ในงานเสริมคอนกรีต มี 2 ประเภท ได้แก่ 1.เหล็กเส้นกลม 2. เหล็ก ข้ออ้อย ทั้งสองประเภทเป็นเหล็กเส้นมาตรฐาน มอก. บังคับ

  1. เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bars DB) มาตรฐาน มอก. 24-2559 มีขนาดความยาวเริ่มต้น 10 เมตร และ 12 เมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 10-32 มิลลิเมตร โดยขนาดเริ่มต้นที่ผู้บริโภคเหล็กนิยมใช้กันเป็นเหล็กข้ออ้อย 4  หุน ขนาดตั้งแต่ 10 มิลลิเมตร ถึงขนาด 4 หุน ข้ออ้อยโรงใหญ่เป็นต้น
  2. เหล็กเส้นกลม (Round Bars RB) มาตรฐาน มอก. 20-2559 มีขนาดความยาวเริ่มต้น 10 เมตร ที่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเริ่มต้น 6-25 มิลลิเมตร ซึ่งผู้บริโภคจะเรียกทั่วไปว่า เหล็ก RB ตามด้วยขนาด เช่น RB6-RB25 เป็นต้น
เหล็กข้ออ้อย

ประเภทการใช้งาน เหล็ก เส้นกลม และข้ออ้อย มีคำตอบที่นี่

เมื่อเราทราบว่าเหล็กทั้งสองประเภทคือเหล็กอะไร ต่อไปคือการนำไปใช้งานที่ถูกต้อง เพราะยิ่งเลือกใช้งานอย่างถูกต้อง ยิ่งทำให้งาน แข็งแรง ทนทาน ใช้ได้ระยะยาว

  • ข้ออ้อย มีชั้นคุณภาพตามกำหนด 3 ชั้น ได้แก่ SD30, SD40, SD50 เป็นชั้นคุณภาพที่สามารถแบ่งการทำงานเหล็กได้ดังต่อไปนี้
    • เหล็กข้ออ้อย SD30 เหล็กที่มีกำลังจุดคลากไม่ต่ำกว่า 3,000 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร ใช้สำหรับก่อสร้างทั่วไป เช่นงานอาคารที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก ชิ้นส่วนประกอบเฟอร์นิเจอร์ หรือคานบ้าน เป็นต้น
    • เหล็กข้ออ้อย SD40 เหล็กที่มีกำลังจุดคลากไม่ต่ำกว่า 4,000 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร ตั้งแต่ขนาด 12-16 มิลลิเมตร นำมาใช้สำหรับงานก่อสร้างบ้านและอาคารทั่ว ๆ ไป ที่มีตัวอาคารไม่สูงมาก, งานสะพานขนาดเล็ก, ถนน, กำแพง หรืองานคอนกรีตสำเร็จรูป เป็นต้น
    • ข้ออ้อย SD40 และ SD50 ที่มีขนาด 20-25 มิลลิเมตร มักนิยมใช้ในงานอาคารสูง คอนโดมิเนียม ดังนั้นผู้ซื้อหากต้องการให้งานรองรับแรงได้มากขึ้น แนะนำให้ใช้เหล็ก SD50 จะช่วยรับแรงมากขึ้น ไม่เสี่ยงพังเสียหาย
    • เหล็กข้ออ้อย SD50 เหล็กที่มีกำลังจุดคลากไม่ต่ำกว่า 5,000 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร ตั้งแต่ขนาด 28-32 มิลลิเมตร ด้วยขนาดเหล็กที่ใหญ่ขึ้นแสดงว่าการนำไปใช้สำหรับงานจะเป็นงานโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น ตึกสูงมาก ๆ งานตอม่อถนน สะพาน โครงสร้างสถานีรถไฟฟ้า สนามบิน เป็นต้น
      • นอกจากนั้น เหล็กข้ออ้อย SD50 ที่ขนาดตั้งแต่ 40 มิลลิเมตรขึ้นไป มีความสามารถในการรับน้ำหนักได้มาก จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงทนทาน และรับแรงต่าง ๆ ได้ค่อนข้างมาก เช่น งานก่อสร้างขนาดใหญ่ จำพวกงานเขื่อน งานโครงสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นต้น
  • SD40T กับ SD30 ต่างกันอย่างไร?
    • อย่างแรก SD ของข้ออ้อย คือ ค่ากำลังแรงดึง หรือ MPa เช่น SD40 มีกำลังรับแรงดึงต่ำกว่า 400MPa ส่วน SD40 มีกำลังรับแรงดึงต่ำกว่า 300MPa ดังนั้นถ้าผู้ซื้อเหล็กเลือกใช้ SD30 แทน SD40 อาจทำให้โครงสร้างมีปัญหาเพราะไม่สามารถรับน้ำหนักได้
      • SD40T เป็นชื่อเรียกชั้นคุณภาพของเหล็กข้ออ้อยเช่นเดียวกัน แต่กรรมวิธีการผลิตแตกต่างจาก SD40 ปกติโดย SD40T เกิดจากการนำเหล็กไปอบให้อุณหภูมิสูงจนเหล็กเกิดการอ่อนตัวลง เพื่อทำให้รีดง่ายขึ้น จากนั้นปล่อยให้เย็นตัวลงด้วยการฉีดสเปรย์น้ำทำให้ผิวเหล็กแข็ง แต่ภายในจะค่อย ๆ มีความเหนียวเพราะมีส่วนผสมที่แตกต่างด้วยการผสมธาตุ Carbon และ Manganese น้อยกว่าเหล็กข้ออ้อยทั่วไป ทำให้เราเรียกกระบวนการดังกล่าวนี้ว่า Temp-core-Rebar ดังนั้นในกรรมวิธีผลิตนี้ในหลาย ๆ โรงงานจึงถูกกำหนดให้ระบุไว้เพื่อบอกวิธีผลิตและเตือนสำหรับผู้นำไปใช้งาน
    • ความแตกต่าง SD40T กับ SD30 ก็คือกระบวนการผลิต และกำลังรับแรงดึงของเหล็กที่ต่างกัน เป็นต้น
  • เหล็กเส้น กลม เหล็กชนิดนี้มีชั้นคุณภาพเพียง 1 ชั้น นั้นก็คือ SR24 แล้วชั้นคุณภาพนี้ หมายถึงอะไร
      • จริง ๆ แล้ว SR24 คือ ความสามารถในการรับแรงดึงที่จุดคราก 24 คือ จำนวนกำลังรับแรงที่ 2,400 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร ในการรับแรงและยึดเหนี่ยวถ่ายแรงระหว่างเหล็กกับคอนกรีตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเหล็กเส้นกลม มักนิยมใช้งานตามขนาดศูนย์กลาง โดยมีขนาดดังนี้
    • SR24 ขนาด 6 มิลลิเมตร และ ขนาด 9 มิลลิเมตร นำไปใช้สำหรับงานทำเหล็กปลอก งานรัดโครงเหล็กในงานเสา คาน บันได และงานพื้นแบบเสริมเหล็กคอนกรีต เป็นต้น
    • SR24 ขนาด 12 มิลลิเมตร นำไปใช้สำหรับงานก่อสร้างทั่วไปที่ไม่ต้องใช้การคำนวณการออกแบบเพื่อให้โครงสร้างยึดเกาะหนัก ๆ เช่น งานกลึง เป็นต้น
    • SR24 ขนาด 19 มิลลิเมตร นำไปใช้สำหรับงานก่อสร้างงานปูพื้น เช่น งานถนน เป็นต้น
    • SR24 ขนาด 25 มิลลิเมตร นำไปใช้สำหรับงานก่อสร้างที่รับน้ำหนักได้ดี เช่น งานเหล็กสตัด หรือเหล็กที่ใช้ยึดทำป้ายขนาดใหญ่ด้วยการนำเกลียวเร่งกับโครงเหล็ก เป็นต้น
ประเภทการใช้งาน-เหล็ก -เส้นกลม-และข้ออ้อย-มีคำตอบที่นี่
เหล็กเส้นกลม

สตีลเบส์บายแจกวิธีเลือกซื้อ เหล็กเส้น อย่างถูกต้องและปลอดภัย

  • เลือกซื้อเหล็กเส้นที่มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน ทั้งเหล็กเส้นกลมและ เหล็กข้ออ้อย
  • เลือกขนาดเหล็กในการใช้ก่อสร้างอย่างถูก เพื่องานที่ปลอดภัยแข็งแรง ตรงตามมาตรฐานก่อสร้าง
  • เลือกเหล็กที่ถูกต้องตรงตามลักษณะชนิดของเหล็ก ไม่มีสนิม ไม่เป็นเหล็กมือสอง หรือเหล็กรีดซ้ำ
  • ก่อนใช้งานควรนำเหล็กไปทดสอบประสิทธิภาพว่าตรงตามข้อกำหนดมาตรฐานหรือไม่
  • สอบถามราคาและน้ำหนักเหล็กที่เหมาะสมกับประเภทการใช้งานของเหล็กเส้น
  • เลือกซื้อจากแหล่งผู้จำหน่ายที่น่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบและขอใบรับรองจากโรงงานได้เสมอ

มองหา เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ราคาประหยัด ส่งไว ต้อง Steel Best Buy

สตีลเบสท์บาย เป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้ข้อมูลเหล็ก และบริการจำหน่ายเหล็กครบวงจร ดังนั้นไม่ว่าผู้บริโภคจะต้องการ เหล็กเส้น ประเภทไหน หรือเหล็กชนิด ๆ เราก็มีครบ รวมไปถึง เราให้บริการเช็กราคาเหล็กด้วยตนเองฟรี 24 ชั่วโมง เช็ก ราคาเหล็กวันนี้ คลิกเพิ่มเติม หรือสอบถามข้อมูลเหล็กและขอใบเสนอราคาภายใน 15 นาที ที่ LINE ID สตีลเบสท์บาย @steelbestbuy

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

Tel : 061-416-7892

Facebook Messenger : SteelBestBuy

Line@ : @steelbestbuy

Share This Post With Others!

Facebook
Twitter
LinkedIn